7 เคล็ดลับขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง ทำยอดขายถล่มทลาย

ขายของหลักพัน แต่กำไรเหลือแค่หลักหน่วย! สงสัยไหม…ทำไมขายของออนไลน์แล้วยังไม่รวยเหมือนคนอื่นสักที? จะขายออนไลน์ยังไงให้ปัง? พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์แล้ว แต่แบรนด์ยังไม่ปัง กำไรไม่พุ่ง คงมีคำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่น้อย บางทีคุณอาจกำลังมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ บางอย่างไปก็ได้ ตามมาดูเทคนิคขายของออนไลน์ที่คัดมาแล้วว่าเวิร์ก เพื่อพลิกยอดขายและดันกำไรให้ทะลุเป้ากัน



1. เลือกสินค้าและปั้นแบรนด์

การเลือกสินค้าที่ใช่และการปั้นแบรนด์ให้เหมาะสม ถือเป็นเทคนิคขายของออนไลน์เทคนิคแรกที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ โดยผู้ประกอบการจะต้องเลือกสินค้าที่ชื่นชอบหรือถนัดและตรงกับความต้องการของตลาด ที่สำคัญสินค้าต้องมีมาตรฐานและได้คุณภาพ เพราะสินค้าคือหัวใจของการขายของ 

หลังจากรู้แล้วว่าจะขายสินค้าอะไรด้วยคุณภาพแบบไหน สิ่งถัดมาที่ผู้ประกอบการต้องทำคือการปั้นแบรนด์ให้แข็งแรงและน่าจดจำด้วยการตั้งชื่อแบรนด์ ออกแบบโลโก้ สร้างเพจหรือเว็บไซต์ เป็นต้น

2. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย 

เทคนิคที่สำคัญถัดมาคือ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน โดยต้องระบุให้ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร อายุเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน มีพฤติกรรมแบบใด ชอบอะไร สนใจอะไร เพราะการรู้จักกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้าและขายของได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเสริมประสิทธิภาพให้แผนการตลาดของแบรนด์ด้วย ทั้งในด้านการทำคอนเทนต์ การทำโฆษณา การจัดโปรโมชัน ตลอดจนการพัฒนาสินค้า และการให้บริการ

3. ตั้งเป้าหมายความสำเร็จ

การตั้งเป้าหมายสำหรับร้านค้าในแต่ละเดือนหรือแต่ละช่วงเวลา ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญที่คนทำธุรกิจหลายคนมองข้าม อย่างที่ทราบกันดีว่า การขายของออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงมากและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากขาดการตั้งเป้าหมายก็จะทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถโฟกัสได้ถูกจุด อีกทั้งยังอาจล้มเลิกความตั้งใจในการทำธุรกิจไปได้ง่าย ๆ ด้วย การตั้งเป้าหมายสำหรับธุรกิจ เช่น มียอดสั่งซื้อ 300 ออร์เดอร์ต่อเดือน มีกำไร 30,000 บาทต่อเดือน หรือมีคนติดตามโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทุกเดือน เป็นต้น 

เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว สิ่งถัดมาที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ การวางแผนเพื่อให้ธุรกิจหรือร้านค้าของเราบรรลุเป้าหมายนั้น ๆ ที่สำคัญต้องไม่ลืมการวัดผลเพื่อจะได้ปรับปรุงกระบวนการต่อไปในอนาคต

4. เลือกขายบนแพลตฟอร์มที่ไม่หักค่า GP

อีกทางออกที่สำคัญอย่างยิ่งของคำถามที่ว่า “ขายออนไลน์ยังไงให้ปัง” คือการเลือกแพลตฟอร์มหรือช่องทางการขายสินค้าให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย Marketplace หรือเว็บไซต์ เพราะทุกช่องทางมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป เช่น

Social Media ช่องทางการขายยอดนิยมเพราะมีผู้คนใช้งานมากมาย สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการโปรโมตร้านให้เป็นที่รู้จักก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เช่น Facebook, Instagram(ig), Tiktok

LINE SHOPPING ที่เชื่อมต่อกับ LINE OA เป็นช่องทางการขายที่น่าสนใจเพราะร้านค้าและลูกค้าสามารถพูดคุยติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีฟีเจอร์มากมายช่วยจัดการระบบการขายหลังบ้าน อีกทั้งยังไม่เก็บค่า GP และค่าธรรมเนียมจากร้านค้าอีกด้วย

Marketplace ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่สามารถลงขายสินค้าได้ง่าย ลูกค้านิยมใช้งาน แต่อาจจะต้องเจอกับการแข่งขันด้านราคาที่ค่อนข้างสูง

ในการเลือกแพลตฟอร์มการขาย นอกจากจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านกลุ่มเป้าหมายและลักษณะของแพลตฟอร์มเป็นหลักแล้ว การคำนึงถึงค่า GP ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ขายของออนไลน์มาเท่าไหร่ก็ยังไม่ปัง กำไรน้อย ก็มาจากการโดนเก็บค่า GP โดนเก็บค่าธรรมเนียมจากแพลตฟอร์มการขายจนหมดนั่นเอง 


5. คอนเทนต์เรียกยอดแชร์

การทำ Content Marketing คืออีกเทคนิคขายของออนไลน์ที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับยุคปัจจุบัน เพราะคนนิยมอ่านหรือดูคอนเทนต์ที่มีความโดดเด่น มีคุณค่า และมีประโยชน์ ดังนั้นคอนเทนต์ของแบรนด์จะต้องมีเอกลักษณ์ในการนำเสนอตัวตน มีรายละเอียดที่ครบถ้วนแต่เข้าใจง่าย อีกทั้งยังต้องเป็นคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้คนอยากมีส่วนร่วม อยากแชร์ อยากบอกต่อ หรืออยากสั่งซื้อสินค้าอีกด้วย และที่สำคัญแบรนด์ควรมีการโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ลูกค้าลืมและเพื่อเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อด้วย

6. มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย

อีกสิ่งที่ร้านค้าออนไลน์ขาดไม่ได้เลย คือ การมีตัวเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้า เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกและความง่ายในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการโอนผ่านธนาคาร การจ่ายผ่าน QR Code หรือ LINE Pay เป็นต้น ซึ่งยิ่งร้านค้ามีช่องทางการชำระเงินที่ตอบโจทย์และหลากหลายมากเท่าไหร่ โอกาสในการปิดการขายได้ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

7. บริการอย่างใส่ใจ

ส่วนเทคนิคขายของออนไลน์เทคนิคสุดท้ายที่นำมาฝากกันในวันนี้ คือ การให้บริการลูกค้าทุกคนอย่างใส่ใจ แน่นอนว่าคงไม่มีลูกค้าคนไหนอยากได้รับการบริการที่แย่หรือไม่เต็มใจ ดังนั้นการบริการที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าและก่อให้เกิดการซื้อซ้ำได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตอบแชตลูกค้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้ลูกค้ารอนาน การอัปเดตสถานะของออร์เดอร์ รวมถึงการแพ็กสินค้าด้วยหีบห่อที่สวยงามอย่างใส่ใจ เป็นต้น



 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก LINE SHOPPING
 Cr : LINE SHOPPING