ปัจจัยที่จะกำหนดว่าคุณจะขายสินค้าได้หรือไม่
ปัจจัยที่จะกำหนดการขายในปัจจุบัณนี้ มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะกำหนดอนาคตในการขายของคุณ
1. สินค้าเป็นปัจจัยแรกสุดที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งจะกำหนดว่าจะรุ่งหรือจะร่วงอยู่ที่สินค้าเป็นอย่างแรก การเลือกสินค้ามาขายคุณควรที่จะคำนึงถึงสิ่งหลักๆ ดังนี้
คุณภาพต้องมาก่อนสิ่งใด ถ้าสินค้าที่คุณขายต้องเป็นของดีมีมาตรฐาน จะเป็นการปูทางในวงการขายออนไลน์กันไปยาว ๆ แต่ถ้าหากว่าคุณเอาของไม่ดีไม่ได้มาตรฐานมาขาย คุณเตรียมตัวเก็บร้านกลับบ้านกันได้เลย
ราคา ปัจจัยนี้มีส่วนสำคัญในการอยู่รอดของร้านค้าและสินค้าของคุณ ซึ่งคุณต้องดูราคาที่ตั้งเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วเป็นอย่างไร สูงกว่าหรือต่ำกว่าคู่แข็ง แต่ขณะเดียวกันคุณเองก็ต้องนำเอาปัจจัยด้านต้นทุนมาคิดด้วยว่าเมื่อหักลบหนี้แล้วมันเหลือเป็นกำไรหรือเปล่า
แพ็คเกจ เรื่องของแพ็คเก็จก็สามารถกำหนดยอดขายได้เช่นกัน ซึ่งถ้าสินค้าของคุณมีแพ็คเก็จที่สะดุดตาย่อมเป็นที่ดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ง่ายนั้นเอง
2. หาแหล่งขายสินค้าราคาต้นทุนดีๆ หากคุณมีสินค้าแล้วไม่มีลูกค้าก็ไม่รู้จะเอาไปขายใครจริงไหม นอกจากตัวสินค้าลูกค้าเองก็คืออีกปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีอะไรบ้างมาดูกัน
ความต้องการของลูกค้า ต้องพิจารณาในท้องตลาดดูก่อนว่าสินค้าที่คุณจะเอามาขายนั้น เป็นสิ่งที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือไม่ หรือเป็นความต้องการของเราเอง ถ้าคุณเลือกของที่คนอื่นต้องการคุณก็ขายได้แต่ถ้าคุณเลือกจากสิ่งที่คุณต้องการ ของนั้นก็เอาไว้ขายคุณแค่คนเดียวได้เลย
ตอบโจทย์การแก้ปัญหา ยิ่งสินค้านั้นตอบโจทย์หรือช่วยแก้ปัญหาบางเรื่องให้กับลูกค้า สินค้านั้นก็ มีโอกาสขายได้ดียิ่งขึ้น เช่น เหตุการณ์ โควิด-19 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า สินค้าจำพวก หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ นั้นเป็นที่ต้องการมาก ซึ่งนั้นคือสินค้าตอบโจทย์กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น เป็นต้น
ความพึงพอใจ ส่วนนี้คือเรื่องของอารมณ์ล้วน ๆ แม้สินค้าจะเป็นที่ต้องการและตอบโจทย์เพียงใด แต่ถ้าลูกค้าไม่พอใจเขาก็ไม่ซื้อ นี่จึงเป็นปัญหาที่คุณต้องตีให้แตก
3. การตลาด! แม้มีของแต่ไม่รู้การตลาดก็แทบปิดประตูการขาย ซึ่งการตลาดที่ต้องคำนึงถึงมี ดังนี้
ช่องทางจำหน่ายหรือช่องปล่อยของ ควรหาช่องทางการจำหน่ายของคุณ ว่ามีช่องทางมากน้อยเพียงใด ตรงกับช่องทางที่จะเข้าถึงลูกค้าหรือไม่
การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นช่องทางที่จะนำเสนอตัวเองและสินค้าของคุณให้ลูกค้าเห็น ไม่ว่าจะใน Facebook, Google, Tiktok หรือ IG คุณจำเป็นต้องมีงบในด้านนี้ไว้เลย เพราะถ้าไม่มีงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ โอกาสที่คุณจะขายของสำเร็จนั้นก็ยาก
เครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ ปัจจุบันมีหลากหลายเครื่องมือให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก การทำ SEO หรือการทำ CRM เครื่องมือเหล่านี้มีส่วนช่วยทั้งการหาลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม
4. การบริการ! สินค้าที่ดีต้องมาพร้อมการบริการที่ดี หาก 2 สิ่งนี้ไม่ไปด้วยกัน โอกาสที่คุณจะประสบความสําเร็จยากมากๆ ซึ่งการบริการแบ่งได้เป็น 3 อย่างหลักๆ ดังนี้
การบริการก่อนการขาย คุณต้องสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาถึงแม้ว่าลูกค้าจะยังไม่ได้ซื้อของก็ตาม สินค้าของคุณจึงจะมีสิทธิขายได้
การบริการระหว่างการขาย มักจะมาในรูปแบบของการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หากคุณให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ละเอียด และตอบข้อซักถามได้เป็นที่น่าพอใจคุณก็ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
การบริการหลังการขาย การขายจะสำเร็จอย่างง่ายดาย ถ้าลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำหรือบอกต่อ คุณจะต้องสานความสัมพันธ์กับลูกค้าเหล่านี้ไว้ให้ได้ แล้วของของคุณจะขายได้ไม่รู้จบนั้นเอง