5 เทรนด์ธุรกิจ SME มาแรงใน ASEAN รับปี 2024

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การจับกระแสเทรนด์ผู้บริโภคให้ได้ไว พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องเผชิญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ธุรกิจ SME ไทย เข้าสู่ยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจภายในประเทศดุเดือดมากยิ่งขึ้น การส่งออกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถขยับขยายฐานลูกค้าและรายได้ได้มากยิ่งขึ้น


หนึ่งในตลาดต่างประเทศที่น่าสนใจ คือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อนบ้านของเรา เพราะคนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจ SME กลุ่มสินค้า OTOP ที่นักท่องเที่ยวมักจะซื้อของฝากหิ้วติดไม้ติดมือกลับประเทศกันอย่างมาก


สำหรับคนที่กำลังมองหาสินค้าไปส่องออกต่างประเทศหรือต้องการขยับขยายธุรกิจ เราได้รวบรวม 5 สินค้าเด็ดดังที่ช่วยให้ SME ไทยต่อยอดไกลสู่ตลาดโลกได้ ให้เจ้าของกิจการทุกคนได้วางแผน และต่อยอดธุรกิจจนประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ได้



สินค้า OTOP ที่โดนใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีอะไรบ้าง?

1. ธุรกิจเครื่องหอม: ยาดม/ก้านหอม

ธุรกิจเครื่องหอม ในประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศและ อากาศเหมาะแก่การเพาะพันธุ์สมุนไพรที่หลากหลาย โดยสมุนไพรหลายชนิดสามารถนำไปแปรรูป ในการทำเครื่องหอมได้ เช่น นำไปทำยาดม ซึ่งยาดมหงส์ไทย ก็ผลิตมาจากสมุนไพรไทย หรือการทำก้านหอม เพิ่มความสดชื่น นิยมนำไปใช้เพื่อสร้างบรรยากาศดี ๆ ในบ้าน หรือในร้านอาหาร

ซึ่งสินค้าทั้งสองแบบ เป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมซื้อไปเป็นของฝากเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นกระแส Soft Power ทำให้ชาวต่างชาติต่างก็อยากได้สินค้า OTOP ประเภทนี้กลับไปเป็นของฝากแบบมีเท่าไหร่ เหมาหมด



2. ธุรกิจเสื้อผ้า: กางเกงช้าง

เมื่อช่วงปี 1-2 ที่ผ่านมา กระแสของการใส่กางเกงช้างนับว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไม่ใช่เพียงคนไทยเท่านั้นที่นิยมในการใส่กางเกงประเภทนี้ แต่ชาวต่างชาติที่ได้มาเยี่ยมเยียนประเทศไทยเองต่างก็ให้การยอมรับในคุณภาพของกางเกงช้างเช่นเดียวกัน ด้วยลวดลายที่มีความเป็นเอกลักษณ์สื่อถึงความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง บวกกับความใส่สบายดูมีความบางแต่ไม่โป๊ ก็ยิ่งทำให้มันกลายเป็นกางเกงยอดฮิตที่ถูกใจนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ไปได้โดยปริยายเลยนั่นเอง

หากเจ้าของธุรกิจ SME คนไหนอยากสร้างความแตกต่าง อาจทำลวดลายอื่น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้น ๆ หรือรูปสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด เพิ่มความหลากหลายของสินค้าอย่างสร้างสรรค์ แถมเป็นที่น่าจดจำอีกด้วย



3. ธุรกิจเครื่องนอน: หมอนยางพารา

สำหรับเรื่องของเครื่องนอน เช่น หมอน ก็มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่หนึ่งในประเภทของหมอนที่ถูกใจนักท่องเที่ยว คงหนีไม่พ้น “หมอนยางพารา” เพราะสามารถตอบโจทย์ทั้งการอิง พิง และการนอนมากที่สุด แถมดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ในประเทศไทยของเรา แน่นอนว่าธุรกิจยางพาราเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับธุรกิจ SME อย่างมากมาย อีกทั้งหมอนยางพาราก็ยังเป็นหมอนที่มีความคงทน และไม่นิ่มจนเกินไป เหมาะแก่การพักผ่อน และการนอนได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับการซื้อเป็นของฝาก และการส่งออกไปในประเทศใกล้เคียงให้ได้รู้จักกับหมอนชนิดนี้เป็นอย่างมาก



4. ธุรกิจเพื่อความงาม: สบู่สปารูปทรงผลไม้

กระแสของธุรกิจดูแลเพื่อความงาม ในประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ของโลกที่เรื่องของการดูแลผิวและการนวดเพื่อผ่อนคลาย รวมไปถึงการทำสปานั้นได้รับความสนใจจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครที่ได้มาเที่ยวที่ประเทศไทยถ้าไม่ได้ใช้บริการนวดแผนไทยก็ต้องยกให้กับสปานี่แหละที่ครองใจชาวต่างชาติให้ได้รับความผ่อนคลายมากที่สุด จึงเกิดเป็นสินค้า OTOP อย่างสบู่สปารูปทรงผลไม้นี้ขึ้นมา

เดิมทีมันก็ยังเป็นเพียงรูปทรงสี่เหลี่ยม และวงกลม แต่มันก็ดูมีความจำเจจนเกินไป จึงได้มีการดัดแปลง และปรับปรุงให้ดูมีความน่าใช้มากยิ่งขึ้น และคงไว้ซึ่งกลิ่นที่มีความหอมและผ่อนคลาย บรรเทาความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี จากรูปร่างที่สวยงาม และสรรพคุณของสบู่สปาที่ได้รับการยอมรับ ทำให้เป็นสินค้า OTOP ธุรกิจ SME ที่มีสต๊อกเท่าไหร่ก็ขายดี



5. สินค้า Handmade: กระเป๋า เครื่องหนังต่าง ๆ

ตั้งแต่อดีตที่ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่ผลิตเครื่องหนังได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปัจจุบันมันก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเคย และยังมีการพัฒนาสู่เครื่องหนังที่มีความเข้ากับเทรนด์การแต่งตัวของคนสมัยนี้ และมีความแฟชั่นมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น กระเป๋าแฮนด์แบค รองเท้าหนัง หรือกระเป๋าสตางค์ทั้งของหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่มีดีไซน์แบบวัยรุ่น ทันสมัย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะยิ่งดึงดูดให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น


โดยทั้ง 5 ธุรกิจนี้ ก็จัดว่าเป็นสินค้า OTOP ที่ได้รับความนิยม และความสนใจในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมีสินค้า OTOP ที่ดีแล้ว แล้วเราจะเปิดตลาดซื้อขายให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไรบ้าง? เพราะถ้าหากนั่งรอนักท่องเที่ยวแวะมาที่หน้าร้านของเรา อาจทำให้พลาดโอกาสสร้างรายได้ เอาอย่างนี้ดีไหม มาดูกันหน่อยถ้าเจ้าของธุรกิจ SME อยากลุยตลาดต่างประเทศในแถบอาเซียน จะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง มาดูกันต่อเลย



เคล็ดลับนักขายมือทอง ถ้าอยากเจ้าตลาดอาเซียน

1. พึ่งพาหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME หากอยากไปเปิดหน้าร้าน หรือทดลองตลาดที่ประเทศอาเซียน อาจต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเพื่อขอข้อมูลดี ๆ เช่น ติดต่อไปที่
 

   - กรมการค้าระหว่างประเทศ www.dft.go.th

   - กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th

   - กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th

   - ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ www.sacit.or.th/th

พร้อมแนะนำข้อมูลของธุรกิจเรา และเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือ ใครยังมีข้อสงสัยในเรื่องการเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศ สามารถติดต่อภาครัฐไปได้เลย


 

2. วางแผนสต๊อกสินค้าให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า

ถ้าเจ้าของธุรกิจ SME อยากสร้างฐานลูกค้าที่ต่างประเทศ อยากแนะนำว่าควรทำการรีเสิร์ชข้อมูลไลฟ์สไตล์การซื้อของคนที่ประเทศนั้น ๆ เพื่อหาสินค้า OTOP ที่ตอบโจทย์กับลูกค้าที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับสินค้าอื่น ๆ ที่อาจขายไม่ออก


 

3. มีกระแสเงินสดให้พอหมุนเวียนในธุรกิจ

เรื่องการเงินเป็นจุดสำคัญที่เจ้าของธุรกิจ SME ไม่ควรมองข้าม เพราะสินค้า OTOP มักเป็นสินค้าที่มีต้นทุนที่สูงพอสมควร ทำให้ไม่สามารถปล่อยอยู่ในสต๊อกได้นาน การมีเงินสำรองเก็บจะทำให้สภาพคล่องทางธุรกิจมีความลื่นไหล หากเจ้าของธุรกิจ SME ต้องการเงินสดเพื่อเสริมสภาพคล่องอาจลองปรึกษากับทางธนาคารที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้อย่างธนาคารกรุงศรี เพราะพร้อมให้บริการสินเชื่อเพื่อการส่งออก สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกตรงนี้เลย หากมีเงินสดสำรองเพียงพอก็สามารถรับมือกับปัญหาที่ไม่คาดฝันหากต้องส่งสินค้า OTOP ไปขายที่ต่างประเทศ



4. มีหน้าร้านบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ช่วยจัดการ

สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME หากอยากลุยตลาดอาเซียน การมีร้านค้าออนไลน์ก็สามารถสร้างยอดขายสินค้า OTOP ได้เหมือนกัน โดยแพลตฟอร์มที่เราอยากแนะนำ เช่น การเปิดหน้าร้านใน Shopee และเข้าร่วมโปรแกรม Shopee International Platform (SIP) ที่เปิดโอกาสให้เราขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้แบบง่าย ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยในเรื่องของการขนส่งทางแพลตฟอร์มจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ขอเพียงแค่ร้านค้าส่งสินค้าไปยังที่อยู่ตามใบปะหน้าพัสดุให้ถูกต้องก็พอ!


ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Krungsri Plearn Plearn
Cr : Krungsri Plearn Plearn