5 ขั้นตอน รับมือลูกค้าไม่รับของเก็บเงินปลายทาง

เชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายๆท่าน คงเคยเจอกับปัญหาชวนปวดหัวนี้ และยิ่งถ้าหากเป็นการขายของออนไลน์โดยส่งของแบบ “เก็บเงินปลายทาง(COD)” ด้วยแล้ว หากของถูกตีกลับ นั่นหมายความว่า เงินที่คุณคาดว่าจะได้รับจากการขายสินค้าชิ้นนั้นก็หลุดลอยไป และพอเจอเยอะๆ เข้าก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายๆ ร้านค้าตัดสินใจปิดบริการเก็บเงินปลายทางไปเลยก็มี แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาดูวิธีการแก้ไขปัญหานี้กัน

สั่งของ ‘เก็บเงินปลายทาง(COD)’ แล้วไม่รับพัสดุ ผิดกฎหมายไหม?

หลายครั้งที่พ่อค้าแม่ค้าไม่กล้าเอาผิดกับลูกค้าที่สั่งของไปแล้วลูกค้าไม่รับ และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี การสั่งของแล้วไม่รับนั้น ถือว่าผิดกฏหมาย โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานทนายความ “ทนายคลายทุกข์” กล่าวว่า ตั้งแต่มีการขอสั่งซื้อสินค้าระหว่างลูกค้าและร้านค้า สัญญาซื้อขายสินค้าจึงจะมีผลนับแต่ผู้ขาย (ผู้รับการแสดงเจตนา) ได้ทราบการแสดงเจตนาซื้อของลูกค้าด้วยการตอบตกลงจะส่งมอบสินค้าแก่ผู้ซื้อ จึงถือว่าเป็นการทำสัญญาซื้อขายสินค้านั้นกันแล้ว ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อย่อมโอนไปยังลูกค้าทันที ถึงแม้จะยังไม่ได้มีการส่งมอบสินค้า หรือรับชำระค่าสินค้าก็ตาม  ดังนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ “มาตรา 168 และ 458”  จึงเป็นหน้าที่ของลูกค้าที่จะต้องรับมอบสินค้าที่ได้สั่งซื้อ และชำระหนี้ตามราคาที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก  และหากมีการตกลงซื้อขายกันแล้วเป็นหน้าที่ที่ร้านค้าจะต้องส่งมอบสินค้าและเป็นหน้าที่ที่ลูกค้าจะต้องรับสินค้าพร้อมชำระเงินตามที่กำหนด

แล้วเรามีวิธีหรือขั้นตอนอย่างไรในการป้องกันบ้าง?

1. แจ้งข้อตกลงการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่แรก

ร้านควรแจ้งข้อตกลงตั้งแต่มีคำสั่งซื้อสินค้าเกิดขึ้นว่าถ้าลูกค้าไม่รับของ ทางร้านจะต้องเป็นฝ่ายเสียค่าธรรมเนียมการจัดส่งเอง ทำให้ร้านขาดทุนได้ จึงจำเป็นจะต้องแบนลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าแล้วไม่รับ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายในอนาคต อีกทั้งหากร้านค้าจะดำเนินคดีทางกฎหมาย ก็สามารถทำได้ ลูกค้าก็จะเสียประวัติเมื่อสั่งซื้อของจากร้านอื่นด้วยเช่นกัน

2. ตรวจสอบชื่อที่อยู่ของลูกค้าให้ถี่ถ้วนก่อนทำการซื้อขาย 

ในหลายแพลตฟอร์ม Marketplace โดยส่วนใหญ่จะมีระบบคะแนนทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูคะแนนของลูกค้าเบื้องต้นได้ว่าเครดิตการซื้อขายเป็นอย่างไร  ก่อนจะทำการตกลงซื้อขายสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง(COD)

3. คอนเฟิร์มรายการสั่งซื้อสินค้าทุกครั้งก่อนทำการจัดส่ง

ก่อนที่เราจะทำการจัดส่งใส่กล่องพัสดุทุกครั้ง ร้านค้าควรถ่ายรูปพร้อมแจ้งรายละเอียดการสั่งซื้อเพื่อคอนเฟิร์มออเดอร์กับลูกค้าผ่านทางช่องทางแชทของแพลตฟอร์ม เป็นการยืนยันว่าหลังจากลูกค้าสั่งซื้อของไปแล้ว ยังคงอยากได้สินค้านั้นอยู่ และเพื่อแก้ปัญหาลูกค้าปฏิเสธการรับของเนื่องจากสั่งของผิด

4.เลือกส่งพัสดุกับขนส่งที่มีคุณภาพ มีประกันพัสดุเสียหาย และไว้ใจได้

การที่ร้านค้าสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างฉับไว ก็สามารถลดโอกาสที่สินค้าจะโดนปฏิเสธไปได้เช่นกัน เพราะหากขนส่งจัดส่งช้า ไม่ทันใจผู้ใช้งาน อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปซื้ออีกเจ้าแทน และปฏิเสธที่จะรับสินค้าของเราได้

5.แจ้งวันเวลาในการจัดส่งและวันที่คาดว่าจะได้รับล่วงหน้าให้ลูกค้าทราบ

ช่วยป้องกันปัญหาส่งของแล้วลูกค้าอ้างว่าไม่รับของ เพราะไม่มีคนอยู่บ้าน  หากรู้วันจัดส่งที่แน่ชัด ควรแจ้งกับลูกค้าล่วงหน้า หรือสอบถามว่าลูกค้าสะดวกรับของวันเวลาไหนบ้าง เพื่อที่ทางร้านจะได้คำนวณเวลาการจัดส่งให้แม่นยำที่สุด ก็จะช่วยลดโอกาสที่พัสดุจะถูกตีกลับไปได้พอสมควร

ดังนั้นสุดท้ายนี้อยากจะฝากบอก พ่อคาแม่ค้าออนไลน์ การบริการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทางย่อมทำให้ร้านค้าขายของได้มากขึ้น แต่อย่าลืมปิดรอยรั่ว เตรียมรับมือกับสถานการณ์ลูกค้าสั่งของแล้วไม่รับ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากลูกค้าสั่งของแล้วไม่รับพัสดุ