ธุรกิจอยู่ได้ มีเงินหมุน มีกำไร ต้องตั้งราคาสินค้าแบบนี้

 

การตั้งราคาสินค้าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะราคาที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจมีกระแสเงินสดที่ดีและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับต้นทุนและกำไร

ประเภทของต้นทุน

ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ค่าใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต เช่น ค่าเช่า ค่าประกันภัย เงินเดือนพนักงานประจำ ค่าตัดจำหน่ายเครื่องจักร

ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) ค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงงานชิ้น ค่าขนส่ง ค่าคอมมิชชั่น

ต้นทุนรวม (Total Cost) รวมต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร

หลักการตั้งราคาแบบต่างๆ

1. การตั้งราคาแบบ Cost-Plus Pricing

วิธีการพื้นฐานที่คำนวณจากต้นทุนรวมบวกกำไรที่ต้องการ

สูตร: ราคาขาย = ต้นทุนรวม + กำไรที่ต้องการ

ตัวอย่าง:

  • ต้นทุนสินค้าต่อหน่วย = 100 บาท
  • กำไรที่ต้องการ 30% = 30 บาท
  • ราคาขาย = 130 บาท

2. การตั้งราคาตามคู่แข่ง (Competition-Based Pricing)

ศึกษาราคาของคู่แข่งในตลาดและกำหนดราคาที่แข่งขันได้ โดยพิจารณา:

  • ราคาเฉลี่ยของตลาด
  • จุดเด่นของสินค้าเทียบกับคู่แข่ง
  • ต้นทุนของตนเองเทียบกับราคาตลาด

3. การตั้งราคาตามคุณค่า (Value-Based Pricing)

กำหนดราคาตามคุณค่าที่ลูกค้ารับรู้และยินดีจ่าย เหมาะสำหรับสินค้าที่มีจุดเด่นเฉพาะ

กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อสร้างกระแสเงินสด

1. การจัดการเครดิตเทอม

เงื่อนไขการชำระเงิน:

  • เงินสด: ลด 2-3%
  • เครดิต 7 วัน: ราคาปกติ
  • เครดิต 15 วัน: เพิ่ม 1-2%
  • เครดิต 30 วัน: เพิ่ม 3-5%

2. การตั้งราคาแบบไล่ระดับ (Tiered Pricing)

กำหนดราคาตามปริมาณซื้อเพื่อกระตุ้นยอดขาย:

  • ซื้อ 1-10 ชิ้น: 100 บาท/ชิ้น
  • ซื้อ 11-50 ชิ้น: 95 บาท/ชิ้น
  • ซื้อ 51-100 ชิ้น: 90 บาท/ชิ้น

3. การตั้งราคาตามฤดูกาล

ปรับราคาตามอุปสงค์ในแต่ละช่วงเวลา:

  • ช่วงไฮซีซั่น: เพิ่มราคา 10-20%
  • ช่วงปกติ: ราคามาตรฐาน
  • ช่วงโลว์ซีซั่น: ลดราคา 15-25%

การคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-Even Point)

สูตรการคำนวณ

จุดคุ้มทุน (หน่วย) = ต้นทุนคงที่ ÷ (ราคาขายต่อหน่วย - ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย)

ตัวอย่าง:

  • ต้นทุนคงที่ต่อเดือน = 50,000 บาท
  • ราคาขายต่อหน่วย = 150 บาท
  • ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย = 100 บาท
  • จุดคุ้มทุน = 50,000 ÷ (150 - 100) = 1,000 หน่วย

หมายความว่าต้องขายอย่างน้อย 1,000 หน่วยต่อเดือนจึงจะคุ้มทุน

การวิเคราะห์อัตรากำไร

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)

สูตร: (ราคาขาย - ต้นทุนสินค้า) ÷ ราคาขาย × 100

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)

สูตร: กำไรสุทธิ ÷ ยอดขาย × 100

แนวทางการพิจารณา

  • อัตรากำไรขั้นต้น ควรอยู่ที่ 30-50% ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ
  • อัตรากำไรสุทธิ ควรอยู่ที่ 5-15% เป็นสัดส่วนที่ดี

เทคนิคการตั้งราคาเพื่อเพิ่มกำไร

1. การบันเดิลสินค้า (Product Bundling)

รวมสินค้าหลายชิ้นขายในราคาเดียว:

  • ขายสินค้า A แยก = 100 บาท
  • ขายสินค้า B แยก = 80 บาท
  • ขายแพ็คเกจ A+B = 160 บาท (ลด 20 บาท)

2. การตั้งราคาแบบจิตวิทยา

  • ใช้ราคาที่ลงท้ายด้วย 9 (เช่น 199, 299)
  • กำหนดราคาอ้างอิงสูงแล้วลดราคา
  • แสดงการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

3. การตั้งราคาแบบไดนามิก

ปรับราคาตามสถานการณ์:

  • อุปสงค์สูง: เพิ่มราคา
  • สต็อกเหลือมาก: ลดราคา
  • คู่แข่งเปลี่ยนราคา: ปรับราคาตาม

การจัดการกระแสเงินสดผ่านราคา

หลักการสำคัญ

  1. เร่งการรับเงิน: ให้ส่วนลดเงินสด กำหนดเครดิตเทอมสั้น
  2. ชะลอการจ่ายเงิน: เจรจาเครดิตเทอมกับซัพพลายเออร์
  3. ปรับราคาตามต้นทุนเงิน: คิดดอกเบี้ยเครดิตในราคา

ตัวอย่างการคำนวณต้นทุนเงิน

หากให้เครดิต 30 วัน และต้นทุนเงินของธุรกิจ 12% ต่อปี:

ต้นทุนเงิน 30 วัน = 12% × (30÷365) = 0.99%

ควรเพิ่มราคาอย่างน้อย 1% สำหรับการขายเครดิต

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

1. การตั้งราคาต่ำเกินไป

ปัญหาที่เกิดขึ้น:

  • กำไรน้อย ไม่พอใช้จ่าย
  • กระแสเงินสดขาดแคลน
  • ลูกค้าคิดว่าสินค้าคุณภาพต่ำ

2. การไม่คิดต้นทุนที่แฝง

ต้นทุนที่มักลืม:

  • ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร
  • ค่าแรงงานเจ้าของ
  • ต้นทุนค่าเสียโอกาส
  • ค่าใช้จ่ายการตลาด

3. การไม่ปรับราคาตามสถานการณ์

  • ต้นทุนวัตถุดิบขึ้น แต่ไม่ปรับราคา
  • เงินเฟ้อสูง แต่ราคายังเดิม
  • คู่แข่งเปลี่ยนกลยุทธ์ แต่ไม่ปรับตัว

เครื่องมือช่วยในการตั้งราคา

1. ซอฟต์แวร์บัญชี

  • โปรแกรมคำนวณต้นทุนสินค้า
  • ระบบติดตามกำไรขาดทุน
  • รายงานกระแสเงินสด

ซึ่ง Order Plus ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ สามารถช่วยเหลือขั้นตอนเหล่านี้ให้คุณได้ รวมถึงกำหนดราคาต้นทุน หรือราคาขายของสินค้าชิ้นนั้น ๆ และคำนวณกำไร - ขาดทุนของร้านค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณเห็นภาพรวมการเงินของร้านค้าได้ง่ายมากขึ้น พร้อมสรุปข้อมูลอัตโนมัติ

2. การวิจัยตลาด

  • สำรวจราคาคู่แข่ง
  • ทดสอบราคากับลูกค้า
  • วิเคราะห์ความยืดหยุ่นของอุปสงค์

3. การทดสอบและปรับปรุง

  • ทดลองราคาใหม่กับลูกค้าบางกลุ่ม
  • วัดผลจากยอดขายและกำไร
  • ปรับปรุงราคาอย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

การตั้งราคาที่เหมาะสมต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ต้นทุนบวกกำไร แต่ต้องคำนวณจากต้นทุนที่แท้จริง วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และออกแบบกลยุทธ์ราคาที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดที่ดี

การปรับราคาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ การใช้เทคนิคการตั้งราคาที่หลากหลาย และการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป จะช่วยให้ธุรกิจมีความยั่งยืนและเติบโตได้ในระยะยาว


อ้างอิง

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

ธนาคารกรุงเทพ SME

ธนาคารไทยพาณิชย์ SME Banking

ธนาคารกสิกรไทย - คู่มือธุรกิจ SME


แนะนำ 4 ปัจจัยที่จะกำหนดว่าคุณจะขายสินค้าได้หรือไม่!

ณ ปัจจุบันการขายของออนไลน์นั้น ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ลองสังเกตจากการเกิดร้านค้าออนไลน์ใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย อย่างไรก็ดี เชื่อว่าทุกท่านอาจมีความกังวล กลัวว่าลงทุนไปแล้วจะไม่สำเร็จลุล่วงอย่างที่หวังไว้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกๆท่านจำไว้ก่อนจะเลือกของมาขายก็คือ “ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการตลาดบนโลกออนไลน์และต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เป็น”
16/ม.ค./2023 16:46 น.

6 เทคนิคการปิดการขาย สำหรับคนขายของออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

การปิดการขายสำคัญมากสำหรับคนขายของออนไลน์ นอกจากจะขายสินค้าได้มากขึ้นแล้ว อาจจะมัดใจลูกค้าให้ซื้อซ้ำได้อีกด้วย โดยระบบหลังบ้าน Order Plus
31/ม.ค./2023 09:52 น.

10 เทรนด์ การยิงแอด Facebook ในปี 2023 โดย ระบบหลังบ้าน Order Plus

การคาดการณ์การยิงแอด Facebook ในปี 2023 เพื่อเป็นแนวทางในการวิเคราะห์แนวโน้มในการขายสินค้าและทำการตลาดผ่านทาง Facebook ต่อไป
07/ก.พ./2023 10:20 น.