คิดคอมมิชชันยังไง เจ้าของธุรกิจไม่เจ็บตัว

 

การตั้งค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขายเป็นศิลปะที่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการจูงใจพนักงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาผลกำไรของธุรกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การตั้งค่าคอมมิชชั่นที่ผิดพลาดอาจส่งผลให้ธุรกิจเสียผลกำไร หรือพนักงานขายขาดแรงจูงใจในการทำงาน

หลักการพื้นฐานในการคิดค่าคอมมิชชั่น

การคิดค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากกำไรขั้นต้นของสินค้าหรือบริการเป็นหลัก โดยหลักการพื้นฐานที่ธุรกิจส่วนใหญ่ใช้คือ การจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นสัดส่วนของกำไรขั้นต้น ไม่ใช่ยอดขายทั้งหมด

การคำนวณตามกำไรขั้นต้น

อัตราค่าคอมมิชชั่นที่แนะนำตามระดับกำไรขั้นต้น:

  • กำไรขั้นต้น 10-25%: ค่าคอมมิชชั่น 3% ของยอดขาย
  • กำไรขั้นต้น 26-40%: ค่าคอมมิชชั่น 5% ของยอดขาย
  • กำไรขั้นต้น 40-50%: ค่าคอมมิชชั่น 7% ของยอดขาย

หลักการนี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจได้ว่าจะยังคงมีกำไรเหลือหลังจากจ่ายค่าคอมมิชชั่นแล้ว

รูปแบบการจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่นิยม

1. Commission แบบอัตราคงที่

เป็นการจ่ายค่าคอมมิชชั่นในอัตราที่คงที่ ไม่ว่ายอดขายจะเป็นเท่าไรก็ตาม เช่น จ่าย 5% ของยอดขายทุกครั้ง

2. Commission แบบขั้นบันได

เป็นการจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย เช่น:

  • ยอดขายตั้งแต่ 0-100,000 บาท ค่าคอมมิชชั่น 5%
  • ยอดขาย 100,001-200,000 บาท ค่าคอมมิชชั่น 10%
  • ยอดขายเกิน 200,000 บาท ค่าคอมมิชชั่น 15%

3. Commission แบบผสม

เป็นการรวมเงินเดือนพื้นฐานกับค่าคอมมิชชั่น ช่วยให้พนักงานมีรายได้ประจำและแรงจูงใจในการขาย

การพิจารณาปัจจัยเพิ่มเติม

ต้นทุนการขาย

นอกจากต้นทุนสินค้าแล้ว ยังต้องคิดรวมต้นทุนอื่นๆ เช่น:

  • ค่าใช้จ่ายในการตลาด
  • ค่าขนส่ง
  • ค่าบริการหลังการขาย
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ประเภทของสินค้า

สินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการขายมาก อาจจ่ายค่าคอมมิชชั่นในอัตราที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป

ความยากง่ายในการขาย

สินค้าหรือบริการที่ขายยากหรือต้องใช้เวลานาน อาจต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงกว่าเพื่อเป็นการชดเชยความพยายาม

แนวทางปฏิบัติที่ดี

1. วิเคราะห์กำไรขั้นต้นอย่างละเอียด

ก่อนตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่น ต้องคำนวณกำไรขั้นต้นของแต่ละผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง รวมถึงต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

2. ทดสอบและปรับปรุง

เริ่มต้นด้วยอัตราที่อนุรักษ์นิยม แล้วค่อยปรับตามประสิทธิภาพของพนักงานและผลกำไรของธุรกิจ

3. สร้างความโปร่งใส

อธิบายระบบค่าคอมมิชชั่นให้พนักงานเข้าใจชัดเจน รวมถึงเกณฑ์การคำนวณและเงื่อนไขต่างๆ

4. ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจสอบผลกระทบของระบบค่าคอมมิชชั่นต่อกำไรของธุรกิจและความพึงพอใจของพนักงานเป็นประจำ

ตัวอย่างการคำนวณในทางปฏิบัติ

สมมติธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า:

  • ราคาขาย: 10,000 บาท
  • ต้นทุนสินค้า: 7,000 บาท
  • กำไรขั้นต้น: 3,000 บาท (30%)

ตามหลักการข้างต้น ควรจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่ 5% ของยอดขาย = 500 บาท ทำให้เหลือกำไรสุทธิ 2,500 บาท (25% ของยอดขาย)

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

1. จ่ายค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายโดยไม่คิดกำไร

การจ่ายค่าคอมมิชชั่นเปอร์เซ็นต์คงที่จากยอดขายทั้งหมด โดยไม่พิจารณากำไรของแต่ละสินค้า อาจทำให้ธุรกิจขาดทุนในบางรายการ

2. ตั้งอัตราสูงเกินไปตั้งแต่เริ่มต้น

การจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงเกินไปอาจกระตุ้นการขายในระยะสั้น แต่อาจส่งผลเสียต่อกำไรในระยะยาว

3. ไม่มีการทบทวนระบบ

ระบบค่าคอมมิชชั่นควรได้รับการทบทวนและปรับปรุงเป็นประจำตามสถานการณ์ของธุรกิจ

บทสรุป

การตั้งค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมต้องสร้างความสมดุลระหว่างการจูงใจพนักงานและการรักษากำไรของธุรกิจ หลักการสำคัญคือการคิดจากกำไรขั้นต้นเป็นฐาน พร้อมทั้งพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้พบจุดสมดุลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

หากต้องการระบบที่จะช่วยคำนวณยอดขาย และจัดการเรื่องค่าคอมมิชชั่นของพนักงาน โดยสรุปยอดขายของเซลล์ หรือแอดมินเป็นรายบุคคลให้อัตโนมัติอย่าง Order Plus ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ช่วยให้คำนวณค่าคอมมิชชั่นได้อย่างแม่นยำ ประหยัดเวลาจัดการค่าคอมมิชชั่น และเห็นภาพรวมการทำงานของพนักงาน


 

อ้างอิง

Humansoft

Wisible 

MindPHP 

Venio CRM 

SellStory Statista 

GrowthForce


แนะนำ 4 ปัจจัยที่จะกำหนดว่าคุณจะขายสินค้าได้หรือไม่!

ณ ปัจจุบันการขายของออนไลน์นั้น ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ลองสังเกตจากการเกิดร้านค้าออนไลน์ใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย อย่างไรก็ดี เชื่อว่าทุกท่านอาจมีความกังวล กลัวว่าลงทุนไปแล้วจะไม่สำเร็จลุล่วงอย่างที่หวังไว้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกๆท่านจำไว้ก่อนจะเลือกของมาขายก็คือ “ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการตลาดบนโลกออนไลน์และต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เป็น”
16/ม.ค./2023 16:46 น.

6 เทคนิคการปิดการขาย สำหรับคนขายของออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

การปิดการขายสำคัญมากสำหรับคนขายของออนไลน์ นอกจากจะขายสินค้าได้มากขึ้นแล้ว อาจจะมัดใจลูกค้าให้ซื้อซ้ำได้อีกด้วย โดยระบบหลังบ้าน Order Plus
31/ม.ค./2023 09:52 น.

10 เทรนด์ การยิงแอด Facebook ในปี 2023 โดย ระบบหลังบ้าน Order Plus

การคาดการณ์การยิงแอด Facebook ในปี 2023 เพื่อเป็นแนวทางในการวิเคราะห์แนวโน้มในการขายสินค้าและทำการตลาดผ่านทาง Facebook ต่อไป
07/ก.พ./2023 10:20 น.